Sunday, April 22, 2012

เรื่อง .... การฝึกหายใจเพื่อยกระดับสติ

บทนี้เรามายกระดับสติขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยวิธีสังเกตลมหายใจที่ต่างไปนั่นเอง คุณไม่ต้อง
ลำบากลำบนฝึกดัดตัวแบบโยคะให้ยุ่งยาก เพียงแค่ทราบว่าจะสังเกตลมหายใจอย่างไรก็พอ
เอาเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน ถ้าให้ถามตัวเองว่าลมหายใจสุดท้ายที่ผ่านมาเป็นสั้นหรือยาว หากตอบ
ไม่ถูกแปลว่าสติของคุณไม่อยู่ที่ลมหายใจ และมีความโน้มเอียงว่าจะเป็นลมสั้น ทั้งนี้ก็เนื่องจาก
สติของคุณใช้ไปในการตามอ่านข้อความบนหน้าหนังสือนั่นเอง

แต่มาถึงตรงนี้จะเห็นว่าทันทีที่มีข้อความสะกิดให้สังเกต ลมหายใจของคุณจะยาวขึ้น
ทันที ทั้งที่ยังไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าหนังสือ ทั้งนี้เพราะเมื่อมีอะไรมากระตุ้นให้เกิดสติระลึก
ถึงลมหายใจ สตินั้นจะปรุงแต่งลมให้ยาวขึ้นโดยอัตโนมัติตรงนี้ขอให้สังเกตด้วยว่าในทางกลับกัน
คนเราจะมีสติรู้ลมหายใจก็ต่อเมื่อลมยาวเท่านั้น แต่ลมสั้นไม่ค่อยรู้หรือไม่รู้เอาเลย

ระหว่างที่อ่านบรรทัดนี้คุณหายใจเข้ายาวหรือว่าสั้น? ยาวคือรู้สึกบอกตัวเองว่ามันลากยาว
อาจจะเท่ากับหรือมากกว่าเมื่อครู่ส่วนสั้นคือรู้สึกว่าหดลงจนสังเกตยาก หากถูกถามแล้วลากลมหายใจ
เข้าลึกขึ้นกว่าปกติก็ไม่เป็นไร แต่เอาแค่ทีเดียว อย่าพยายามหายใจลึกๆติดกันหลายๆที เพราะ
การฝืนหายใจลึกๆหรือถี่ๆไม่ใช่การยกระดับสติแต่เป็นการกดคุณภาพสติให้ตกต่ำลง

เมื่อทราบว่าย่อหน้าที่แล้วหายใจยาวหรือสั้น ลองถามตัวเองอีกทีว่าระหว่างอ่านย่อหน้านี้ยัง
ยาวอยู่หรือไม่อย่าเสียใจถ้าสั้นลง อย่าดีใจถ้ายาวขึ้น เพราะแนวปฏิบัตินี้ไม่มีอะไรผิดหรือถูก มีแต่
เห็นว่ากำลังปรากฏอะไรให้สังเกตรู้ตามจริงเท่านั้น

จะเห็นว่าคุณอาจพักการอ่านชั่วแวบเล็กๆเพื่อรู้ลมหายใจได้โดยสายตาแทบไม่ต้องละไปจาก
หน้ากระดาษแต่อย่างใด กล่าวคือเมื่อรู้ลมหายใจ สติอาจขาดไปจากตัวหนังสือและความหมายที่มากับ
ตัวหนังสือชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่พอรู้ลมเสร็จสายตาก็กลับมาจดจ่อกับข้อความต่อได้อีก และสามารถรู้
เนื้อความในหนังสือสืบเนื่องกันเป็นสายน้ำด้วย

การระลึกรู้ลมหายใจเป็นพักๆไม่ได้รบกวนงานที่ทำอยู่ตรงหน้า มิใช่ทำงานสองอย่างพร้อมกัน
ให้ขาดสติ เพราะแม้ทำงานโดยไม่ระลึกรู้ลมหายใจ สติของคนทั่วไปก็ขาดตอนเป็นประจำอยู่แล้ว หาก
คุณฝึกที่จะถามตัวเองด้วยสติธรรมดาๆ เช่นขณะอ่านหนังสือย่อหน้าหนึ่งๆนั้น คุณหายใจยาวหรือสั้น ก็
อาจกลายเป็นตัวอย่างของสติระหว่างการทำงาน และวิธีเดียวกันนี้ช่วยให้การทำงานของคุณได้รับการ
ยกระดับขึ้นกว่าเคยหลายเท่าด้วยซ้ำ

ถึงย่อหน้านี้คุณควรเริ่มรู้สึกถึงความสงบ และมีจิตใจฝักใฝ่ที่จะรับรู้ลมหายใจมากขึ้น
โดยเฉพาะถ้าเป็นลมหายใจยาวจะทราบชัดเป็นพิเศษ และเมื่อทราบชัดเป็นพิเศษก็พลอยให้กาย
ดึงลมยาวขึ้นกว่าปกตินี่คือธรรมชาติการทำงานของจิต ขอเพียงมีเป้าให้ปักใจลงไป เป้านั้นจะเริ่มชัด
ขึ้นตามลำดับ เพราะใจฝักใฝ่กับสิ่งใด ย่อมรู้เข้าไปในสิ่งนั้นลึกซึ้งและกว้างขวางตามเวลาที่ผ่านไป พอ
สติดีขึ้นก็ปรุงกายให้มีคุณภาพดีตาม อย่างเช่นที่เห็นได้จากลมหายใจยาวกว่าธรรมดานี่เอง

เมื่อมาถึงย่อหน้านี้หากลมหายใจของคุณสั้นลงแล้วยังสามารถรู้ได้ชัดว่าลมหายใจกำลัง
อยู่ในช่วงสั้น แปลว่าจิตของคุณเกิดภาวะผู้รู้ ผู้เฝ้าดูลมหายใจทั้งปวงแล้ว กล่าวคือหายใจออกก็มี
สติรู้ว่าหายใจออก หายใจเข้าก็มีสติรู้ว่าหายใจเข้า หายใจยาวก็มีสติรู้ว่าหายใจยาว หายใจสั้นก็มีสติรู้ว่า
หายใจสั้น คุณจะเห็นสภาพจิตตัวเองแปลกไป คือในขณะหายใจ จะเหมือนรับรู้เข้ามาในขอบเขต
ทางกายได้ชัดขึ้นกว่าเดิม ครอบคลุมกว้างขวางกว่าเดิม

ณ จุดนี้ขอให้สังเกตว่าถ้าขณะหายใจเข้าคุณพองหน้าท้องออกนิดหนึ่ง สติที่กำลังดีจะทำให้เกิด
ความรู้ขึ้นเองว่าหายใจยาวด้วยอาการพองหน้าท้องอย่างไรจึงสบาย ปล่อยลมออกจากอกอย่างไรจึง
ยังคงรักษาความสบายไว้ได้ในระดับเดิมอยู่อีก ที่ย่อหน้านี้ขอให้สังเกตดูว่าความสบายนั้นมีอายุขัย
สั้นยาวเพียงใด บางคนอาจสบายแค่ช่วงหายใจเข้า บางคนอาจสบายแค่ช่วงหายใจออก บางคนสบาย
ได้ตลอดตั้งแต่เริ่มเข้าและจนออกสุด อย่าไปให้ความสำคัญว่ามันยาวแค่ไหน ขอให้รู้แน่ๆตามจริง
ก็แล้วกัน

การเข้าไปรู้ถึงความสบายหรือความอึดอัดตามจริงนั้น เรียกว่าคุณได้ทราบชัดในสิ่งที่ละเอียด
กว่าลมหายใจแล้ว นี่เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของวิปัสสนา คือมีสติรู้ไล่จากสิ่งหยาบไปหาสิ่งละเอียด
เพื่อความตระหนักยิ่งๆขึ้นว่าทั้งภาวะหยาบและละเอียดนั้น ต่างก็เป็นสิ่งมีอายุขัยทั้งสิ้น ไม่น่า
ยึดมั่นถือมั่นทั้งสิ้น ควรอาศัยเป็นเครื่องระลึกรู้เท่านั้น

หากสายตาละจากหนังสือแล้วคุณยังรู้สึกว่าสติไม่ไปไหน ยังคงปักหลักอยู่กับการรู้ว่าลมหายใจ
เข้าหรือลมหายใจออก รวมทั้งทราบด้วยว่าความสบายเกิดขึ้นนานเพียงใด วัดได้ด้วยจำนวนลม
หายใจกี่ครั้ง ตรงนี้เรียกว่าระดับสติพัฒนาจากการเห็นรูปธรรมตามจริง เลื่อนขั้นขึ้นมาเห็น
นามธรรมตามจริงด้วยแล้ว

การทำวิปัสสนานั้น สำคัญมากที่เราจะต้องเห็นทั้งรูปและนาม เพราะถ้าเห็นรูปอย่างเดียวก็จะรู้
ตามจริงส่วนหนึ่ง แล้วยังไม่รู้จริงอีกส่วนหนึ่ง ในทางกลับกันหากเห็นนามอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ ต้อง
เห็นรูปด้วย จึงจะเรียกว่าเห็นตามจริงได้ครบถ้วน

วิปัสสนาที่ดีและมีคุณภาพนั้น ควรเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ พูดง่ายๆว่าให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ไม่ควรตั้งใจบังคับให้เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่เพราะนั่นอาจเป็นการฆ่า
ตัวตายบนเส้นทางวิปัสสนาเสียตั้งแต่แรกเริ่ม การรู้เหมือนทำเล่นยามว่าง แต่ทำบ่อยเหมือนงาน
อดิเรกชิ้นโปรดที่สุดในชีวิต จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดความคืบหน้าไปเรื่อยๆ คุณจะพบว่าตัวเองเริ่ม
ฝักใฝ่ลมหายใจ และมีความสังเกตสังกาเกี่ยวกับความสบายกายสบายใจมากขึ้น เพราะเห็นด้วยสติรู้
ตามจริงว่าการเข้ามากำหนดดูอยู่ในขอบเขตกายใจนั้นมีแต่ด้านที่เป็นคุณ มีแต่ทำให้นิสัยทำ
ร้ายตนเองและทำร้ายคนอื่นลดลงทุกทีตอนยังไม่เริ่มลงมือจะมองไม่ออกเลยว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
แต่ขอให้ทดลองเถิด เพียงไม่กี่วันจะทราบด้วยตนเองว่าวิปัสสนามีค่ากับชีวิตอย่างมหาศาลปานใด
 
ภาวะรู้ชัดว่ากำลังหายใจเข้าหรือหายใจออกอยู่นั้นไม่มีความน่าเบื่อ ไม่มีความรู้สึกอึดอัด หาก
ฝึกระหว่างอ่านบทนี้แล้วเบื่อหน่ายหรือรู้สึกอึดอัด ขอให้ใช้ย่อหน้านี้เป็นหลักตั้งต้นใหม่นับ
หนึ่งใหม่โดยการสังเกตว่าคุณตั้งใจหรือคาดหวังมากเกิน ‘รู้เล่นๆสบายๆ’ หรือเปล่า?
สติที่พอดีกับการรู้ลมหายใจปัจจุบัน เกิดขึ้นจากการกำหนดว่าจะ ‘รู้ได้เท่าที่รู้’ ถ้าหากอยากรู้
เกินกว่าจะรู้ได้ ผลคือความอึดอัด รู้สึกเคร่งเครียด และไม่อยากพากเพียรทำต่อไปให้มากกว่านี้อีก
ในทางตรงข้าม หากค่อยๆรู้ขึ้นมาจากระดับที่พอดีกับสติของตัวเอง จะเกิดความสบาย สงบ
หรือกระทั่งสว่างสดใส รู้สึกสนุก จะกลายเป็นกำลังใจให้อยากมุมานะเพื่อความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปอีก
แม้วางหนังสือลงแล้วก็ยังไม่อยากเลิก

สรุป
บทนี้เราใช้ข้อความในหน้าหนังสือเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้คุณเกิดสติรู้ลมหายใจขึ้นมาตรงๆ และ
การรู้ลมหายใจตามหลักวิปัสสนานั้น ไม่ใช่แค่รู้ทื่อๆว่ากำลังหายใจ แต่ให้รู้ด้วยว่าหายใจออกหรือหายใจ
เข้า หายใจยาวหรือหายใจสั้น คนเราจะรู้แค่ลมหายใจยาว ส่วนลมหายใจสั้นไม่รู้บทนี้ช่วยชี้ให้คุณดูว่า
หากรู้แม้กำลังหายใจสั้น ก็จะทำให้เกิดสภาพสติสัมปชัญญะระดับใหม่ขึ้นมา สติสัมปชัญญะที่สามารถ
รู้ครอบคลุมกว้างขวางทั้งภาวะยาว สั้น หยาบ ละเอียด ได้อย่างต่อเนื่องนี้เอง ที่เราต้องการ
อย่างยิ่งยวดในงานวิปัสสนาขั้นสูงขึ้นต่อๆไป



เขียนโดย ดังตฤณ


No comments:

Post a Comment